มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้ชายทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ชายจำนวนมาก ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะขนาดเล็กในระบบสืบพันธุ์เพศชาย อยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น ทำหน้าที่ผลิตของเหลวบางส่วนที่เป็นส่วนประกอบของน้ำอสุจิ แม้ว่าการเติบโตของเซลล์ในต่อมลูกหมากอาจเป็นไปอย่างช้าๆ ในบางราย แต่หากเป็นเซลล์มะเร็งและไม่ได้รับการตรวจพบหรือรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สถานการณ์ มะเร็งต่อมลูกหมาก ในประเทศไทย จากข้อมูลหลายแหล่งชี้ให้เห็นว่ามีแนวโน้มพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของมะเร็งในเพศชาย ปัจจัยหนึ่งอาจมาจากการที่ประชากรชายมีอายุยืนยาวขึ้น และมีการเข้าถึงบริการทางการแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การตระหนักรู้ถึงสัญญาณเตือนของโรคนี้ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
การตระหนักรู้ถึง “มะเร็งต่อมลูกหมาก อาการ” ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากตรวจพบเร็ว โอกาสรักษาให้หายขาดก็มีมาก การไม่มองข้ามสัญญาณเตือนบางอย่างของร่างกาย จึงอาจหมายถึงการได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติและยืนยาว
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจมะเร็งต่อมลูกหมากเบื้องต้น เปรียบเทียบกับภาวะต่อมลูกหมากโต (ที่หลายคนสงสัยว่า “ต่อมลูกหมากโต อันตรายไหม”) ไปจนถึงปัจจัยเสี่ยง สัญญาณเตือน และแนวทางการตรวจวินิจฉัยที่ไม่ควรมองข้าม
มะเร็งต่อมลูกหมาก กับ ต่อมลูกหมากโต ต่างกันอย่างไร
ก่อนที่จะเจาะลึกถึงสัญญาณเตือนต่างๆ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง มะเร็งต่อมลูกหมาก และภาวะ “ต่อมลูกหมากโต” (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) ซึ่งเป็นสองภาวะที่พบบ่อยในผู้ชายสูงวัยและอาจมีอาการบางอย่างคล้ายคลึงกัน จนทำให้เกิดความสับสนได้
มะเร็งต่อมลูกหมาก คือ โรคที่เกิดจากการเติบโตที่ผิดปกติและควบคุมไม่ได้ของเซลล์ภายในต่อมลูกหมาก เซลล์เหล่านี้จะแบ่งตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย (Malignant Tumor) หากไม่ได้รับการรักษา เซลล์มะเร็งเหล่านี้สามารถทำลายเนื้อเยื่อปกติของต่อมลูกหมาก และที่สำคัญคือสามารถแพร่กระจาย (Metastasize) ผ่านระบบเลือดหรือระบบน้ำเหลืองไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น กระดูก ตับ หรือปอด ซึ่งจะทำให้การรักษายากยิ่งขึ้นและมีอัตราการรอดชีวิตต่ำลง การเติบโตของมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกอาจเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่แสดงอาการชัดเจน แต่เมื่อมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเริ่มลุกลาม จึงจะเริ่มปรากฏอาการให้เห็น
ในทางกลับกัน หลายคนอาจสงสัยว่าภาวะ ต่อมลูกหมากโต อันตรายไหม? ภาวะต่อมลูกหมากโต หรือ BPH เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ แต่เป็นการขยายขนาดของเซลล์ปกติ (Benign) ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง กล่าวคือ BPH ไม่ใช่เนื้อร้าย และไม่สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ ภาวะนี้พบได้บ่อยมากในผู้ชายสูงอายุ โดยเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชายตามวัย แม้ว่า BPH จะไม่ใช่มะเร็งและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตโดยตรง แต่เมื่อต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็สามารถไปกดเบียดท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะต่างๆ เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก ดังนั้น หากถามว่า ต่อมลูกหมากโต อันตรายไหม ในแง่ของคุณภาพชีวิตและการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลัน คำตอบคือ “อาจเป็นอันตรายได้” หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองภาวะนี้คือลักษณะของเซลล์ที่เติบโต (เซลล์มะเร็ง vs. เซลล์ปกติที่ขยายขนาด) และความสามารถในการแพร่กระจาย (มะเร็งแพร่กระจายได้ BPH ไม่แพร่กระจาย) อย่างไรก็ตาม อาการบางอย่าง โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวข้องกับการปัสสาวะ อาจมีความคล้ายคลึงกันมาก เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด หรือปัสสาวะลำบาก ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยตนเองว่าเป็นอาการจาก BPH หรือ มะเร็งต่อมลูกหมาก
ด้วยเหตุนี้ ความสำคัญของการวินิจฉัยที่ถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย รวมถึงอาจมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (PSA) การตรวจคลำต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (DRE) หรือการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ (Biopsy) เพื่อให้สามารถวินิจฉัยแยกโรคได้อย่างแม่นยำและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป การด่วนสรุปเอาเองว่าเป็นเพียงภาวะต่อมลูกหมากโตที่ไม่ร้ายแรง อาจทำให้พลาดโอกาสในการตรวจพบ มะเร็งต่อมลูกหมาก ในระยะเริ่มต้นได้
มะเร็งต่อมลูกหมาก อาการ ที่พบบ่อย สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
การรู้จักและสังเกต มะเร็งต่อมลูกหมาก อาการ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าในระยะเริ่มต้น มะเร็งต่อมลูกหมาก อาจไม่แสดงอาการใดๆ ที่ชัดเจนเลยก็ตาม หรืออาการอาจคลุมเครือจนผู้ป่วยไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่เริ่มมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะ ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษและไม่นิ่งนอนใจ อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
อาการเกี่ยวข้องกับการปัสสาวะ: เนื่องจากต่อมลูกหมากอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นที่ต่อมลูกหมาก ไม่ว่าจะเป็นการขยายขนาดจาก BPH หรือการเติบโตของก้อนมะเร็ง ก็มักจะส่งผลกระทบต่อการปัสสาวะเป็นอันดับแรก สัญญาณเตือนที่ควรสังเกต ได้แก่:
- ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน (Nocturia) : จากเดิมที่ไม่เคยต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืน หรือลุกเพียง 1 ครั้ง กลายเป็นต้องลุกขึ้นมา 2-3 ครั้ง หรือมากกว่านั้น ซึ่งรบกวนการนอนหลับอย่างมาก
- ปัสสาวะลำบาก ต้องเบ่ง หรือปัสสาวะไม่สุด (Difficulty urinating, Straining, Incomplete emptying) : รู้สึกว่าต้องใช้แรงเบ่งมากกว่าปกติกว่าปัสสาวะจะออกมา หรือเมื่อปัสสาวะเสร็จแล้วยังรู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่หมด ยังมีปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
- ปัสสาวะไม่พุ่ง หรือเป็นหยด (Weak urine stream, Dribbling) : สายปัสสาวะอ่อนแรง ไม่พุ่งแรงเหมือนเคย หรือเมื่อใกล้จะปัสสาวะสุดกลับมีลักษณะเป็นหยดๆ ควบคุมไม่ได้
- รู้สึกปวดแสบขณะปัสสาวะ (Dysuria) : อาจมีอาการปวด หรือแสบร้อนบริเวณท่อปัสสาวะขณะกำลังถ่ายปัสสาวะ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการอักเสบหรือการติดเชื้อร่วมด้วย
- ปัสสาวะมีเลือดปน (Hematuria) : นี่เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญอย่างยิ่ง หากสังเกตเห็นว่าปัสสาวะมีสีแดง สีชมพู หรือสีน้ำล้างเนื้อ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอ เพราะอาจเป็นอาการของโรคร้ายแรงหลายชนิด รวมถึง มะเร็งต่อมลูกหมาก
อาการอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง: นอกจากอาการทางระบบปัสสาวะแล้ว มะเร็งต่อมลูกหมาก อาการ อาจรวมถึง
- มีเลือดปนในน้ำอสุจิ (Hematospermia) : หากสังเกตพบว่าน้ำอสุจิมีสีแดงหรือสีชมพู ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในต่อมลูกหมากหรือระบบสืบพันธุ์
- อาการปวดบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก หรือต้นขา (Pain in the lower back, hips, or thighs) : อาการปวดเรื้อรังในบริเวณเหล่านี้โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน อาจเป็นสัญญาณที่น่ากังวลว่า มะเร็งต่อมลูกหมาก ได้แพร่กระจายไปยังกระดูกแล้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มะเร็งชนิดนี้มักแพร่ไป
- ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่เกิดขึ้นใหม่โดยไม่ทราบสาเหตุ (New onset Erectile Dysfunction) : แม้ว่าภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่หากเกิดขึ้นใหม่ ร่วมกับอาการทางปัสสาวะอื่นๆ ก็ควรได้รับการตรวจประเมิน
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย : เป็นอาการทั่วไปที่พบได้ในโรคมะเร็งหลายชนิดรวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะลุกลาม
ข้อควรระวังที่สำคัญ: ดังที่กล่าวไปแล้วว่า ในระยะเริ่มต้น มะเร็งต่อมลูกหมาก อาจไม่แสดงอาการใดๆ ที่ชัดเจนเลย หรืออาการอาจจะน้อยมากจนผู้ป่วยคิดว่าเป็นเรื่องปกติของคนสูงวัย ดังนั้น การรอให้เกิดอาการก่อนแล้วจึงไปพบแพทย์อาจทำให้การวินิจฉัยล่าช้าไปได้ นี่คือเหตุผลที่การตรวจคัดกรองในกลุ่มผู้ชายที่มีความเสี่ยงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้: ใครบ้างที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ?
แม้ว่าใครก็มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ แต่มีบางกลุ่มที่ควรระวังมากเป็นพิเศษ ได้แก่
- อายุ: ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากในผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป
- พันธุกรรม: หากญาติสายตรง เช่น พ่อหรือพี่น้องชายเคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ความเสี่ยงจะสูงขึ้น
- เชื้อชาติ: ชายชาวแอฟริกัน-อเมริกัน มีความเสี่ยงสูงกว่าค่าเฉลี่ย
- อาหารและพฤติกรรม: การบริโภคอาหารไขมันสูง ขาดการออกกำลังกาย และน้ำหนักเกิน ล้วนเพิ่มความเสี่ยง
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ และการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น
หากคุณเริ่มมีอาการดังกล่าว หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ดังนี้
- Digital Rectal Exam (DRE): แพทย์จะใช้มือคลำตรวจขนาดและความแข็งของต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก
- PSA Blood Test: ตรวจสาร Prostate-Specific Antigen ในเลือด หากมีค่าสูงอาจบ่งชี้ถึงภาวะมะเร็ง
- การตรวจเพิ่มเติม: เช่น การอัลตราซาวด์ การตัดชิ้นเนื้อ หรือ MRI หากผลตรวจเบื้องต้นพบความผิดปกติ
แนะนำ: ผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไปควรตรวจคัดกรองเป็นประจำ หรือเริ่มตั้งแต่อายุ 40 หากมีประวัติครอบครัว
มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคร้ายที่ไม่ควรละเลย เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่รู้ตัว อาจลุกลามและรักษาได้ยาก การรู้จัก “มะเร็งต่อมลูกหมาก อาการ” และสังเกตตัวเองอยู่เสมอคือกุญแจสำคัญในการป้องกัน
แม้ว่าอาการบางอย่างอาจคล้ายกับภาวะต่อมลูกหมากโต ซึ่งหลายคนสงสัยว่า “ต่อมลูกหมากโต อันตรายไหม” แต่อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์คือทางออกที่ดีที่สุด
ถึงเวลาที่ผู้ชายจะหันมาใส่ใจสุขภาพเชิงรุก หมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ อย่าปล่อยให้ความอายหรือความกลัวเป็นอุปสรรคในการป้องกันโรคร้าย
ด้วยการรู้ทัน รู้เร็ว และรับมืออย่างถูกวิธี คุณก็สามารถมีชีวิตยืนยาว แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างมั่นใจ
บทความนี้ได้รับการตรวจสอบโดยแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยา