การมองเห็นในคนปกตินั้น เริ่มมีการพัฒนาของสายตาตั้งแต่แรกคลอดและจะสมบูรณ์เต็มที่เมื่ออายุประมาณ 10 ปี แล้วสายตาจะคงที่จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นความผิดปกติของตาตั้งแต่เด็กจึงมีผลอย่างมากต่อการมองเห็นไปตลอดชีวิต การตรวจตาในเด็กจึงมีความสำคัญเพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจเกิดขี้น
เนื่องจากเด็กไม่สามารถบอกความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตนเองได้เหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้นบิดามารดา หรือผู้ดูแลจึงมีหน้าที่ที่จะต้องคอยสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเด็ก โดยเฉพาะความผิดปกติทางตาที่มักต้องใช้การสังเกตอย่างมากเพื่อจะบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
อาการผิดปกติทางตาในเด็กอาจเกิดได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยอาการที่สำคัญที่ควรปรึกษาจักษุแพทย์มีดังนี้
- ไม่จ้องหน้า หรือไม่มองตาม ในเด็ก 1-2 เดือนแรกจะมีพัฒนาการด้านสายตาก่อน เด็กจะต้องจ้องมองได้เมื่ออายุไม่เกิน 2 เดือนโดยจะมองหน้ามารดาขณะให้นม และมองตามหน้ามารดาที่ขยับไปมาได้เมื่ออายุ 2-6 เดือน และมองตามสิ่งของใหญ่ๆ ที่ไม่มีเสียง เมื่ออายุมากกว่า 6 เดือน หากเด็กมองตามเสียงเพียงอย่างเดียว อาจมีความผิดปกติทางตาก็ได้
- ตาสั่น ขณะที่เด็กจ้องมอง ตาดำควรจะมองนิ่ง หากมีอาการตาสั่นอาจบ่งบอกถึงภาวะผิดปกติของตา หรือความผิดปกติของสมอง
- ตาวาวคล้ายตาแมวตอนกลางคืน หรือมองเห็นสีขาวในตาดำ อาจเกิดจากความผิดปกติของตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน เนื้องอกหรือมะเร็งของจอประสาทตา โดยเนื้องอกหรือมะเร็งของจอประสาทตาเป็นโรคร้ายแรงที่พบในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่ และเป็นโรคที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมด้วย
- ตาเข ตาเหล่ ตาลอย อาการตาเหล่หรือตาเขนั้น คือการที่ตาดำอยู่ในตำแหน่งผิดปกติ อาจเขเข้าด้านใน หรือออกด้านนอกมากกว่าปกติ หรือตาดำลอยขึ้นด้านบน อาจเป็นตลอดเวลาหรือเป็นบางครั้งก็ได้ โดยอาการเหล่านี้นอกจากทำให้ดูแปลกผิดปกติแล้ว เนื่องจากเด็กไม่ใช้ตาที่เขในการมอง ทำให้การพัฒนาของสายตาในตาข้างที่เขไม่ดี เกิดภาวะตาขึ้เกียจขึ้น และเกิดตามัวในตาข้างที่เข
- เอียงหน้าดู หรือเอียงคอมอง มักเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา หรือกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ หรือ ความผิดปกติของสายตา
- ดูหนังสือ หรือดูโทรทัศน์ในระยะใกล้ มักเกิดจากความผิดปกติของสายตา
- บ่นปวดศีรษะในตอนเย็น หรือหลังเลิกเรียน มักเกิดจากความผิดปกติของสายตา หรือความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา
- บ่นว่ามองกระดานไม่ชัด มักเกิดจากความผิดปกติของสายตา
การที่เด็กจะเติบโตอย่างมีคุณภาพ จำเป็นต้องมีการมองเห็นที่ดี บิดามารดา หรือผู้ปกครองจึงควรหมั่นสังเกตถึงความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ดังกล่าวข้างต้น เพื่อจะได้ปรึกษาจักษุแพทย์ได้อย่างทันท่วงที
“พร้อมดูแลดวงตาของคุณ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
พร้อมเทคโนโลยีและเครื่องมืออันทันสมัย ทุกวันทุกเวลา ไม่มีวันหยุด”